เรื่องคลังสินค้า จะอยู่ในองค์ประกอบ 3 อย่าง สาขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง เรื่องพื้นที่คลังสินค้า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับต้นๆ ของสาขาที่มีพนักงานใหม่ๆ เนื่องจาก คลังคือหัวใจของการขาย ดังนั้นจะลำดับการทำงานได้ดังนี้
- การเติมสินค้า
- การจัดเรียงสินค้า
- การบริหารสต๊อกและระบบความสัมพันธ์ในการขายหน้าร้านและคลัง
- การติดตามงาน
ซึ่งการเติมสินค้ามีความสำคัญอย่างมากและมีผลต่อการขาย ถ้าเราเติมสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า จะสามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดีโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เรามีโปรแกรม push ที่ใช้ช่วยในการเติมสินค้า โปรแกรม push มีประโยชน์อย่างไรเรามาดูกัน
1. ช่วยทำให้การสั่งเติมสินค้าของเราง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ทำให้การเติมสินค้าขายดีแม่นยำขึ้นและตรงกับความต้องการของลูกค้าของสาขา
3. ลดเวลาในการทำงานให้กับสาขาและทีมหลังบ้าน(ประสานงานขาย)สาขาจะได้มีเวลาไปทำงานอื่นได้มากขึ้น
ทั้งนี้การเติมสินค้าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ใช่แค่ใช้โปรแกรม push อย่างเดียวเราควรจะต้องเดินคลังประกอบด้วย ทำไมต้องเดินคลังช่วย
**หมายเหตุ** การเดินคลังช่วยในการเติมสินค้า เนื่องจากในระบบ push จะให้เราเติมสินค้าที่มีการขาย ถ้าสาขาเติมสินค้าตาม push อย่างเดียวต่อเนื่องโดยไม่สนลายที่ขายได้เพียงครั้งเดียว(เฉพาะคลังที่มีขนาดใหญ่จำเป็น)สต๊อกของก็สาขาจะเต็มตลอด แต่ถ้าคิดว่านานๆขายได้แล้วสาขาไม่ได้เติม สินค้าตัวนั้นๆในระบบ push จะหายไปเองและจะทำให้ไม่มีการสั่งสินค้าตัวนั้นๆเข้ามา ดังนั้นจะทำให้เกิดสต๊อกลดลงไม่เพียงพอต่อการขาย ซึ่งมีผลทำให้เสียโอกาสในการขายในที่สุด มิฉะนั้นสาขาควรจะพยายามทำความเข้าใจและใส่ใจเกี่ยวกับการเติมสินค้าให้มากๆทำไม? การจัดเรียงสินค้าให้เป็นไปตามขนาด กลุ่มลวดลายและแยกประเภทของสินค้า เช่น โซนสินค้าปกติ สินค้ากรีนโซน สินค้า M&M ให้อยู่ในพื้นที่เป็นสัดสวนและรวมถึงการปรับหน้ากองให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลาเพื่ออะไรมาดูกัน
1. การจัดเรียงสินค้าให้เป็นไปตามขนาด ตามกลุ่มลวดลาย เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน เช่น จะหยิบสินค้าให้ลูกค้า รู้ขนาดและลวดลายในบิลมาแล้ว พนักงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ก็สามารถรู้ได้ว่า สินค้าขนาด 60x60 อยู่ตรงไหน ลายไม้ ลายหิน อยู่ตรงไหน ไม่ต้องไปเดินหาให้เสียเวลา
2. การแยกโซนสินค้า เช่นสินค้ากรีนโซน สินค้า M&M เพื่อให้ทีมขายสะดวกในการพาลูกค้าที่มีความสนใจสินค้าราคาประหยัด ไปเดินเลือกได้ง่าย ไม่ต้องไปเดินหาหลายๆที่ให้เสียเวลา ช่วยทำให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น
3. การปรับหน้ากองให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทำให้เราหยิบจับสินค้าได้ง่ายขึ้น มีความเรียบร้อยง่ายต่อการตรวจเช็คสต๊อกป้องกันการผิดพลาดในการนับสต็อก ซึ่งไปสู่ปัญหาสต๊อกดิฟ ที่สำคัญยังป้องกันยกสินค้าผิดเฉดและป้องการสินค้าแตกเสียหายได้อีกด้วย
ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญในการจัดเรียงสินค้ามาเป็นอันดับต้นๆของเรื่องคลังเช่นกัน
- การบริหารสต๊อกและระบบความสัมพันธ์ในการขายหน้าร้านและคลัง
ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากอีกข้อ เพราะถ้าเราหละหลวมในการบริหารสต๊อก จะมีผลกระทบกับสาขาในหลายๆอย่าง เช่น ทำให้เกิดสต๊อกดิฟ และที่มาของสต๊อกดิฟเกิดได้จากปัจจัยหลักๆดังนี้
1. กระเบื้องแตก เจอแล้วไม่ยอมแจ้งให้ทำการตัดแตกออกหรือจดไว้ดองไว้ไม่รีบเอามาตัดแตกออกสุดท้ายลีสท์ที่จดหายหรือลืม มานึกออกอีกครั้งตอนที่ผู้สอบเข้าก็สายไปแล้ว ส่งผลให้เกิดสต๊อกดิฟ ข้อนี้เป็นปัญหาอันดับที่1 ของปัญหาสต๊อกดิฟ เกิดจากความไม่ใส่ใจของสาขาและมีผลทำให้ต้องถูกหักตังค์ **วิธีการแก้ไขง่ายๆเพิ่มความใส่ใจมีระเบียบในการตัดแตกสินค้า เจอแตกควรปรับแตกทันที** บริษัทฯมีโควต้าให้ ใช้ให้เป็นประโยชน์
2. การยกสินค้าผิด ยกสลับ ข้อนี้ก็เป็นปัญหาอีกหนึ่งข้อ เกิดจากความไม่รอบครอบในการทำงาน ปิดการขายแล้วไม่รอบิล ใช้ความจำไปจัดของ ตรงนี้เป็นการทำงานที่ผิดวิธี ซึ่งมีโอกาสจะจำผิดได้สูง อีกกรณีนึงลูกค้าเปลี่ยนใจเปลี่ยนจำนวนหรือลวดลายตอนทำการชำระเงิน ตัวอย่าง ทีมขายปิดการขายเรียบร้อยส่งใบจดออเดอร์ให้แอดมิน ลูกค้าซื้อสินค้า 20 ก. รับกลับเอง แล้วพนักงานที่ปิดการขายรีบไปจัดสินค้าให้ลูกค้าเลยโดยที่ไม่รอบิล ลูกค้ามีการเปลี่ยนจำนวน เป็น 18 ก. พนักงานจัดของยกของให้ลูกค้า 20 ก. และไม่มีการทวนบิลกับลูกค้า เครสแบบนี้หายแน่ๆทันที 2 ก. และถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน ก็จะทำให้สต๊อกดิฟมากขึ้นเรื่อยๆ **วิธีแก้ไขง่ายๆ รอบิลทุกครั้งก่อนไปจัดของ อ่านลวดลายข้างกองทุกครั้งก่อนหยิบสินค้าแต่ละรายการ หลังจากขึ้นของเสร็จแล้วให้ทวนบิลกับลูกค้าทุกครั้งเพื่อรีเช็คความถูกต้อง** เท่านี้เราก็สามารถป้องกันปัญหาสต๊อกดิฟจากข้อนี้ได้
3. การเดินบิล เพื่อทบทวนสต๊อกที่เราขายไปในแต่ละวัน ตรงนี้เป็นการรีเช็คความผิดพลาด โดยใช้เวลาไม่นาน ใช้เวลาช่วงเย็นประมาณหลัง 16.00 น.หรือเวลาที่ว่าง แบ่งหน้าที่ช่วยกันไปทำ วิธีการง่ายๆ ปริ้นรายการขายในวัน ไปเดินนับสต๊อกคงเหลือปัจุบัน เราก็จะรู้แล้วว่าสินค้าที่เหลือตรงหรือไม่ ยกผิดหรือเปล่า ซึ่งจะสามารถรู้ปัญหาและนำมาแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
4. ควรจะมีการรีเช็คสุ่มนับสต๊อกทั้งขนาด หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ทุกอาทิตย์หรือตามความเหมาะสม ตัวอย่าง วันอาทิตย์นี้ทำการเช็คสินค้าขนาด 40x40 ให้ปริ้นส์สต๊อกขนาด 40x40 ทั้งหมด แบ่งให้ทีมคลังช่วยกันนับ อาทิตย์ต่อไปอาจจะสุ่มนับขนาด 60x60 และขนาดอื่นหมุนเวียนไป วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถรู้ความผิดปกติของสต๊อกในสาขาได้เป็นอย่างดี รวมถึงการแบ่งหน้าที่การเช็คอุปกรณ์หมุนเวียนกันไป
ทั้งหมดนี้มีความสัมพันธ์กันหมดทั้งระบบการขายหน้าร้านและการบริหารสต๊อก ถ้าสาขาสามารถปฏิบัติได้ตามนี้ เพิ่มความใส่ใจ มีระเบียบวินัยในการดูแลสต๊อก รับรองได้ว่าปัญหาสต๊อกดิฟจะหมดไปและรายได้ของเราก็จะไม่หายไปไหนแน่นอน ทำงานเหนื่อยแล้วก็ต้องรักษารายได้ของตัวเองไว้ให้ดีด้วย
หลังจากที่ผจก.มอบหมายงานต่างๆให้กับพนักงานทุกคนแล้ว การติดตามงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เป็นการสอบถามกับพนักงาน การรีเช็คผลงานและความเรียบร้อยในงานที่เราได้มอบหมายให้ ว่าติดปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้เราทราบปัญหาต่างๆจากการทำงาน แล้วนำปัญหาต่างๆมาแก้ไขให้การทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยยกตัวอย่างเช่น
1. มอบหมายให้แอดมินเติมสินค้า ผจก.จะสามารถติดตามงานได้โดยการ ให้แอดมินแคปหน้าจอรายการที่สั่งสินค้า จากโปรแกรมDwa มาไว้ในกลุ่มไลน์สาขา โดยประโยชน์ที่จะได้รับจากการตรวจสอบการสั่งสินค้าเติมแล้ว ทีมคลังยังสามารถทราบอีกด้วยว่ามีการสั่งสินค้าตัวไหนเข้ามาบ้าง ซึ่งทีมคลังจะได้ทำการเตรียมพื้นที่ในการเก็บสินค้าลายดังกล่าวไว้รอได้อีกด้วย
2. มอบหมายให้ทีมคลังจัดคลัง ยุบ รวบ ปรับหน้ากอง การติดตามงานเบื้องต้นคือการให้พนักงานถ่ายรูป พื้นที่บริเวณที่มอบหมายงานให้เพื่อส่งงาน และสอบถามปัญหาในการทำงานหากดูแล้วไม่เรียบร้อย จะต้องไปเดินดูในคลังเพื่อตรวจข้อบกพร่องแล้วเอามาแก้ไข ในการทำงานให้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เสร็จได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ดังนั้นการติดตามงานที่ดี สำคัญอยู่ที่การสร้างคน สร้างงานให้อยู่ในระเบียบ ทำงานเป็นระบบ รวมถึงการพัฒนาความสามารถ เพื่อเพิ่มศักยภาพของพนักงานให้เติบโตและก้าวหน้ายิ่งขึ้น